Saturday, November 21, 2009

เรื่องเล็กๆ ที่ทำให้หัวใจพองโต

ทำบุญใส่ซองทอดผ้าป่า...
ให้เงินขอทาน...
ตักอาหารให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ...
รินน้ำให้พ่อ... กอดญาติผู้ใหญ่...
กอดกัน กอดเพื่อน กอดเด็กๆ กอดคนที่สนิท....
ออกจากห้างแล้วเก็บรถเข็นที่เดิม...
ถามแม่ว่าวันนี้แม่เหนื่อยไหม...
ยิ้มให้คนที่ขับรถช้าเป็นเต่า แต่มาเลนขวา...
ให้อภัยคนที่ทะเลาะกันอยู่...
ช่วยคนแก่ข้ามถนน...
เก็บเศษทิชชูและโต๊ะที่เลอะเทอะ ก่อนลุกออกจากโต๊ะอาหาร...
เดินข้ามสะพานลอย...
ยิ้มและเอ่ยคำขอบคุณกับ รปภ. ที่่หน้่าประตู...
โทรไปหาเพื่อนแล้วบอกคิดถึง...
ให้อาหารหมา...
ล้างรถให้คนในบ้าน...
ยิ้มให้คนที่ไม่คิดว่าจะยิ้มตอบ...
บอกทางคนต่างถิ่นด้วยอัธยาศัยไมตรี...
เลิกบ่น...
เลิกคิดในสิ่งที่แก้ไขไม่ได้...
ยกมือขึ้นกอดตัวเอง...............

Thursday, November 19, 2009

In L.O.V.E

I'm tottaly in love with myself, my life and every little things I do happy with my days and always ready to take CHANCES !

Wednesday, November 18, 2009

Make a laugh

One of my student said to his friend...
Ken : Happy Birthday na Pink !
Me : Oh! Pink, How _ _ _ are you?
Pink : I'm fine.....
Ken & Me : @ ~ * % ^^$ ??

Wednesday, November 11, 2009

Ladybird

Don't ever make someone else blue just to make yourself feel big !

เหตุผล

" เมื่อหลง มนุษย์ก็เริ่มขาดสติ เมื่อขาดสติก็เริ่มขาดเหตุผล เมื่อขาดเหตุผลก็หาเหตุผลเข้าข้างตนเอง เมื่อเห็นตนเองเป็นใหญ่ ความเห็นแก่ตัวก็เกิด สุดท้ายก็มักจะมองต่างมุมกันตลอดเวลา เธอว่าเหนือ ฉันต้องว่าใต้ ถ้าเธอบอกถูก ฉันต้องแย้งว่าผิด แม้จะมีเหตุผลใดก็ตาม"

Saturday, November 07, 2009

โบยบินอยู่ในความจริง มีชีวิตอยู่อย่างไม่ทิ้งความฝัน

ความจริง ทำให้เราโหยหาความฝัน ความฝัน ทำให้เราต้องตื่นมาอยู่กับความจริง
"ความจริง" และ "ความฝัน"
ถูกสร้างมาเพื่อเป้นความสมดุลของกันและกันอย่างลงตัว
เป็นการสร้างความกลมกลืนให้กับชีวิต เพื่อมาอยู่ในจุดที่พอดี
"ความจริง" เป็นเวลาที่เราต้องเผชิญ ต้องอยู่โดยไม่อาจละทิ้ง
ขณะที่ "ความฝัน" เป้นความงามอีกมิติหนึ่ง
ซึ่งเต็มไปด้วยจินตนาการ ความหวัง
จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าสิ่งไหนดีกว่ากัน
คนทุกคนมี "ความฝัน" และต้องการทะยานไปในความฝัน
โบยบินอย่างอิสระในโลกที่ไร้ขีดจำกัด
ซึ่งเป็นที่ที่จะนำพาเราไปสู่โลกที่เราปราถนา
สามารถวาดได้ กำหนดทุกอย่างได้
เพียงแต่เราต้องไม่ลืมว่า ...ขณะที่เรากำลังฝันนั้น
เราต้องคำนึงถึงความเป็นจริงของชีวิตอยู่ทุกขณะ
"ความฝัน" นั้น สัมผัส ไม่ได้
แต่ "ความฝัน" ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม
คนเราจึงควรที่จะฝัน...แต่อย่าให้ไกลจากความจริงมากนัก
ในขณะเดียวกันกับการมีชีวิตอยู่ของคนทุกคน
บนโลกความจริง....
ชีวิตซึ่งต้องดำเนินไปด้วยความเป็นเหตุ เป็นผล
อยู่บนความถูกต้อง และความน่าจะเป็น
"ความจริง" จึงทำให้ชีวิตเข้มแข็ง
แต่บางครั้งอาจทำให้เรากลายเป็นคนแข็งกระด้าง
หากเราลืมไปว่า "ความฝัน" นั้นเป็นสิ่งที่อ่อนโยน
ที่จะทำให้ชีวิตของเราโปร่งขึ้น ผ่อนคลายขึ้น

Saturday, August 15, 2009

อ้อมกอดของแม่สะเรียง

เส้นทางสู่... อ้อมกอดของแม่สะเรียง เมื่อ 4 ปีที่เป็นแล้วครั้งแรกที่ได้ยินชื่อแม่สอด...แม่สะเรียง...เรื่องราวของสองแถวที่เสียกลางป่า การต่อรองกับคนขับสองแถวกับการเดิมพันด้วยความปลอดภัยของชีวิต ครั้งแรกที่เห็นค่ายผู้อพยพชาวพม่าเรียงรายตามแนวตะเข็บชายแดน 6 ชั่วโมงที่ได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ภูเขา และวิถีชิวิตของผู้คนสองข้างทาง วันที่ 6 สิงหาคม 2552, ฉันมาไม่ทันรถเที่ยวแรก 6 โมงเช้า แม่สอด-แม่สะเรียง ดูเหมือนว่าจะยังเช้าเกินไปที่จะมีรถสองแถววิ่งผ่านหน้าโรงเรียนภัทรวิทยา 6:30 น. มาถึงท่ารถไปอำเภอท่าสองยาง กลิ่นเขม่าสองรถเที่ยวแรกยังไม่จางหาย รถเที่ยวต่อไปคือ 7 โมงเช้า แต่มีวงเล็บข้างๆ ว่า ออก 7:30 น. สรุปคร่าวๆ ว่ารถสองแถวที่ไปแม่สะเรียงมีออกทุกชั่วโมง จนถึงเที่ยง ตอนนี้เป็นฤดูฝน จึงทำให้สองข้างทางเขียวชอุ่มมาก กลิ่นของฝนและไอละอองน้ำปะทะหน้าฉัน ฉันรู้สึกสดชื่นมากกว่าตอนที่ใช้สเปรย์น้ำแร่มงต์บลองฉีดที่ใบในซะอีก ธรรมชาติให้ชีวิต คืนชีวิต หล่อเลี้ยงชีวิตจริงๆ จุดหมายปลายทางของฉันวันนี้อยู่ที่แม่สะเรียง ครั้งนี้พิเศษสุด นอกจากฉันกลับมาสู่อ้อมกอดของแม่สะเรียงแล้ว ฉันยังจะมีอ้อมกอดของเพื่อนๆ ที่รัก รอฉันอยู่พวกเขาจะกระซิบบอกฉันว่า “ขอให้มีความสุขมากๆ นะ” เพราะอย่างนี้เองทำให้เมืองเล็กๆ ที่ฉันรู้จักอย่างดีอบอุ่นขึ้นเท่าทีวีคูณ North West Guesthouse เป็นที่พักพิงของเราเสมอ ที่นี่ไม่ใช่เกสเฮ้าส์ ที่ดีทีสุดในเมืองนี้แต่เป็นเกสเฮ้าส์ ที่ถูกใจมากที่สุด เกสเฮ้าส์ ไม้ ที่ข้างล่างมีมุนร้านอาหาร และมุมนั่งเล่นพักผ่อนข้างบนเป็นห้องพักซึ่งมีแค่ 6 ห้อง ที่ข้างล่างมีผู้คนนั่งดื่มกินและพูดคุยแลกเปลี่ยน ออกรสออกชาติเหมือนรู้จักกันมานานแสนนานอย่างงั้นแหละ เพื่อนของฉันรออยู่แล้ว เพราะพวกเขามากจากกรุงเทพฯ (จากกรุงเทพฯ ถึง แม่สะเรียงที่รถทัวร์ของสมบัติทัวร์ออกวันละ 3 เที่ยว ปรับอากาศชั้น 1 มี 2 เที่ยวคือ 15:00 น. และ 18:00 น. และปรับอากาศชั้น 2; 20:45 น. http://www.sombattour.com/html/route/961.phptour.com/html/route/961.php ) ร้านอาหารที่แนะนำในค่ำคืนนี้คือ “บ้านเรา” เป็นอาหารริมแม่น้ำสาละวิน ปลาทับทิมทอดกระเทียมที่นี้สดและกรอบอร่อยมาก ความหวานของเนื้อปลายังติดปากอยู่เลย ในวันรุ่งขึ้นกิจกกรรมของเราก็คือขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยววันนี้ฉันขับไปได้แค่ 46 กิโลเมตรเท่านั้นต้องบอกว่าวิวทิวทัศน์สวยมากๆ มีหลายครั้งเวลาที่ขับข้ามสะพานยาวๆ ฉันรู้สึกว่าอยู่ในฉากหนังเรื่อง P.S. I love you ฮ่าฮ่า แต่ต้องบอกว่าครั้งนี้ขอยอมแพ้เพราะว่าฝนตกตลอดทางขนาดว่าในรองเท้าบูทของฉันเป็นสระว่ายน้ำเล็กๆ และมือฉันก็เย็นและแข็งจนชาฉันนึกอยู่ในใจว่าฉันบ้าไปแล้วเหรอ ทำอะไรอยู่เนี้ย

Tuesday, July 28, 2009

Let the day go on and on...

Ever close your eyes ever stop and listen ever feel alive and you've nothing missing you don't need a reason let the day go on and on...

Thursday, July 23, 2009

OFF WE GO !

พลิกตัวไม่รู้กี่รอบแล้ว ทำยังไงถึงจะหลับตาลง ในแต่ละวันก็มีเรื่องมากมายเข้ามาอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังมีเรื่องของวันพรุ่งนี้มาจ่อรอ ทำให้เรานอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือกังวลใจว่าพรุ่งนี้จะผ่านไปได้ไหม เริ่มต้นที่เส้นทาง เส้นทางที่คดโค้งขึ้นลงภูเขา นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่จะลงสนาม ป้ายข้างทางทำให้เรารู้สึกเสียวๆ “โปรดขับด้วยความระมัดระวัง” “ซ้ายก็เหว ขวาก็เหว” มือใหม่อย่างเราถึงกับคอแห้งผากทีเดียว และทำให้ระยะทาง 30 กิโลเมตร กลายเป็น 60 กิโลเมตร น่าแปลกที่ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยเมารถ เมาเรือ เพิ่งจะรู้สึกวิงเวียนก็วันนี้แหละ วันที่ต้องเหยียบคันเร่งและบังคับพวงมาลัยเอง บนเส้นทางคดโค้ง วกวน ทุกคนต่างแซงหน้าเราไปหมด วันนี้ใครๆ คงจะบ่นว่าเราเป็นเต่า ป้ายสัญญาณจราจร แต่ละป้ายเตือนใจเราว่าอย่าประมาทหรือเผลอแม้แต่เสียววินาทีเดียว เสียวไส้ทุกครั้งที่ลงเขา แล้วเข็มไมค์ยังคงชี้ที่เลข 100 ทั้งที่เท้าไม่ได้แตะคันเร่ง รู้สึกได้ว่าที่พวงมาลัยมันปียกๆ นะทั้งที่แอร์ก็ทำงานดีเย็นช่ำ ทันทีที่ถึงที่หมาย ความรู้สึกต่างๆ ก็เปลี่ยนไป “โล่งใจ จนบอกไม่ถูก” แล้วก็หันมาบอกกับตัวเองว่า YES I CAN!

Thursday, June 18, 2009

Tuesday, May 19, 2009

Monday, March 23, 2009

Thursday, March 12, 2009

Tuesday, February 10, 2009

Friday, February 06, 2009

ปางอุ๋ง Pang Ung

วันนี้เป็นวันที่ 2 แล้วที่มาถึงแม่ฮ่องสอน เคยตั้งใจไว้ว่าอยากจะไปเที่ยวที่ ปางอุ๋ง แต่ดูท่าแล้วคงจะยากนะ เพราะไม่ได้มีรถส่วนตัวมาเอง แต่เรื่องมาบังเอิญหรือเพราะว่า ชีพจร มันลงเท้าเราก็ไม่รู้ ก็เมื่อคืนนี้ ไปเดินเที่ยวที่ ถนนคนเดิน ระหว่างที่แวะเลือกดูเสื้อยืดสกรีน ลายน่ารักๆ อย่าง I love Mae Hong Son หรือว่า เราคือผู้พิชิต 1,864 โค้ง พี่สาวร้านข้างๆ ก็ถามเราว่าไป ปางอุ๋ง มาหรือยัง เราก็ตอบเขาอย่างที่บอกนั้นแหละ ว่าคงยาก...เขาก็เลยแนะนำเราว่าไม่ยากหรอก ที่ตลาดมีรถสองแถวตอนเช้าประมาณตี 5 ไปที่ ปางอุ๋ง เท่านั้นแหละ หัวใจเราก็เต้นแรง อยากให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเร็วๆ ทำให้เช้าวันนี้ตี 5 เราต้องออกมาเดินที่ถนน กับบรรยากาศที่เต็มไปด้วย หมอกสีขาว สมชื่อที่ว่า เมืองสามหมอก แต่ต้องผิดหวังเพราะว่าไม่มีสองแถวอย่างที่ว่า อกหัก เลยเรา
ก็เลยเดินเล่นตามตรอก ซอกซอย ตลาดสายหยุด และใส่บาตรตอนเช้าท่ามกลางสายหมอก รู้สึกดีเวลาที่ได้ใส่บาตรตามชนบท ก็เลยอธิฐานไปว่าขอให้ สิ่งศักดิ์คุ้มครองเราตลอดการเดินทาง...และ ก็ขอให้ได้ไป ปางอุ๋ง ทีเถอะ สาธุ และแล้วคำอธิฐานของเราก็เป็นจริง ระหว่างที่เรากำลังคิดว่าจะทำอะไรดีวันนี้ ก็เลยลองเดินเข้าไปดูตามร้านที่จัดทัวร์ ส่วนมากก็จะเป็นทัวร์แบบ One Day Trip ในโปรแกรมก็จะพาไปดู หมู่บ้าน กะเหรี่ยงคอยาว ถ้ำปลา น้ำตก ขี่ช้าง หมู่บ้านรักไทยเพื่อชิมชา เป็นต้น ก็เลยต่อรองราคา ว่าไปแค่ ปางอุ๋ง เท่าไหร่อ่ะ... เป็นอันว่าตกลงราคากันได้ใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 3 หรือ 4 ชั่วโมง รวมเวลาที่ถ่ายรูป และระยะทางทั้งไปทั้งกลับ เป็นอันว่า ทริบนี้คุ้มค่าจริงๆ ระหว่างทางไป ปางอุ๋ง จากแม่ฮ่องสอนก็ประมาณ 45 กิโลแม้ว โค้งอันตรายเยอะแยะเลย ที่น่ากลัวก็คือหมอกหนา หนามากๆๆๆ บรรยากาศดีสุดๆๆ สวยสุดยอด นี่ต้องเรียกว่า Amazing Thailand (Unseen) เลยล่ะ ที่นี่เป็นอ่างเก็บน้ำเรียกว่าขนาดไม่ใหญ่มาก น้ำในอ่างเวลาที่ทอแสงกับแสงของดวงอาทิตย์ ระยิบระยับเหมือนอัญมณี เลย ที่นี่มีหงษ์ดำ กับ หงษ์ขาว อยู่ด้วย เป็นการเพิ่มความตื่นตาตื่นใจ ให้กับผู้มาเยือน เวลาที่เขาทั้งสองปรากฏกาย มีความสุขจริงๆ เลย

พระธาตุดอยกองมู Pratha Doi Kong Moo and The Sun set

Thursday, January 22, 2009

ลอง Canon EOS 10D

I don't know what to say! thousands thanks for all, especially your Mom and Dad ! I'll keep it precisely and do a good photography ! I know that you're watching me from the sky. This is my frist two photos, i made with your Canon EOS 10D after it was cleaned !

Sunday, January 18, 2009

ความสุข (ของกะทิ)


น้ำในตากับฝนโปรยปราย ดอกไม้กำลังบาน

ใต้แสงตะวัน แม่น้ำลำคลอง เอ่อล้น...จนเต็มริมฝั่ง

เสียงดนตรีหรือสายลมโชย

ใบไม้ร่วงโรย กับเมฆสีดำ

ชีวิตนั้นจะชอกช้ำหรือสวยงามแค่ไหน...

แต่สุดท้ายแล้วมันก็ผ่านไป เกิดขึ้นมาก็มีวันจบไป

โลกยังคงหมุนเวียนและเปลี่ยนไป สุดแต่ใครที่จะเข้าใจในเรื่องนี้

โมโหโกรธา กับฟ้าคะนอง ชื่อเสียง เงินทอง ลาภยศ รางวัล

ชีวิตนั้นจะโศกศัลย์ หรือรื่นเริงแค่ไหน...

แต่สุดท้ายแล้วมันก็ผ่านไป เกิดขึ้นมาก็มีวันจบไป

โลกยังคงหมุนเวียนและเปลี่ยนไป สุดแต่ใครที่จะเข้าใจในเรื่องนี้

จึงอยากบอกเธอนะ คนดี...ใช้ชีวิตให้มีความสุข ด้วยวันเวลาที่เธอมี

เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ผ่านไป เกิดขึ้นมาก็มีวันจบไป

โลกยังคงหมุนเวียนและเปลี่ยนไป สุดแต่ใครที่จะเข้าใจในเรื่องนี้

Tuesday, January 13, 2009

ทรายกับทะเล


จะเหนื่อยเพียงไหน จะทุกข์เพียงใดโปรดรู้

ตรงนี้ยังมีฉันอยู่ พร้อมจะดูแลหัวใจ

หากมรสุม จะทำเธอเหน็บหนาวใจ

พายุจะแรงแค่ไหน จะคอยอยู่ข้างเคียงเธอ

หากมีวันไหน ที่เธอไปไกลจากฉัน

ในหัวใจไม่เคยหวั่น และจะคอยเธอย้อนมา

ก็ใจมันรู้คลื่นลมจะคอยพัดพา

คอยชัดทะเลเข้าหา หาดทรายแห่งนี้ดังเดิม

คือ...ผืนทรายที่โอบทะเลไว้ จะวันใดมั่นคงเหมือนดังที่เป็น

อยู่เคียงข้างเธอใจไม่ไหวเอน และยังคงชัดเจนอย่างนั้น

หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก

คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน

จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน

มีรักมีใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล

Friday, January 09, 2009

แสงแรกของวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552

วัดพระแก้ว ที่เนื่่องแน่นไปด้วยผู้คนที่มาไหว้พระขอพรปีใหม่ (ชาวต่างชาติก็งงๆ ว่าทำไมคนเยอะจัง)
ท่าเรือวัดระฆัง เนื่องแน่นไปด้วยผู้คนที่มาขอกราบไหว้สักการะ หลวงพ่อโต วันนี้คนเยอะจริงๆ เลยไม่ได้ปิดทอง ที่องค์หลวงพ่อ เหล่านกพิราบและปลาต่างก็ได้รับอานิสสงฆ์ ไปด้วย